กระบวนการจัดการความรู้
เปรียบเทียบกระบวนการจัดการความรู้กับปิรามิดเพราะการจัดการความรู้จะต้องเริ่มจากฐานก็คือการกำหนดเป้าหมายหรือบ่งชี้ความรู้และดำเนินการเป็นขั้นๆจนสุดท้ายคือ
การเรียนรู้ ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของการจัดการความรู้
กระบวนการจัดการความรู้ ประกอบด้วย 7 ขั้นตอน คือ
1. การบ่งชี้ความรู้ เป็นการพิจารณาว่าเป้าหมายคืออะไร ต้องรู้อะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
2. การสร้างและแสวงหาความรู้ เป็นการสร้างความรู้ใหม่โดยการแสวงหาความรู้จากภายนอกและจากความรู้ที่มีอยู่ในตัวบุคคลในองค์กร
3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ เป็นการจัดเก็บความรู้ให้เป็นระบบ สะดวกต่อการนำไปใช้ในอนาคต
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เป็นการปรับปรุงเอกสารต่างๆที่จัดเก็บไว้ให้มีมาตรฐานเดียวกัน ปรับปรุงให้เหมาะสมกับเป้าหมายที่วางไว้
5. การเข้าถึงความรู้ เป็นการทำให้ผู้ใช้หรือบุคคลากรในองค์กรเข้าถึงความรู้ได้ง่าย
6. การแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้ เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ของบุคคล หรือจากเอกสารต่างๆ เพื่อให้เกิดความรู้ใหม่ๆ
7. การเรียนรู้ เกิดการเรียนรู้ในองค์ความรู้ใหม่ๆ พัฒนาต่อยอดความรู้ไปเรื่อยๆ
SEAT = กลยุทธ์ในการทำให้เกิดการเรียนร่วม ประกอบไปด้วย
S = Student นักเรียนหรือเด็กพิเศษ ที่ต้องการให้เกิดการเรียนร่วม
E = Environment สภาพแวดล้อม สำหรับให้เด็กเรียนร่วมกัน ต้องมีความเหมาะสม
A = Activity กิจกรรม ที่ทำให้เด็กพิเศษและเด็กปกติทำร่วมกัน ส่งเสริมการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
T = Tool เครื่องมือ เป็นสิ่งที่ช่วยให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างสะดวก
สรุปจากการฟังรายงานกลุ่มที่ 2
กระบวนการจัดการความรู้
โดย อาจารย์สมชาย เทพแสง
NAT = กลยุทธ์ในการจัดอบรม ประกอบไปด้วย
N = Need ความต้องการหรือความจำเป็น จัดการอบรมขึ้นเพื่ออะไร
A = Activity กิจกรรมที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ส่งผลให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
T = Tool เครื่องมือหรือตัวช่วยที่ทำให้กิจกรรมดำเนินไปได้จนบรรลุตามความต้องการ
โดย นางสาวปาริชาติ โขมะนาม
เปรียบเทียบกระบวนการจัดการความรู้ทั้ง 7 ขั้น กับการกระทำของหมอรักษาคนไข้
หากนำกระบวนการจัดการความรู้ทั้ง 7 ขั้นมาเปรียบเทียบกับการทำงานของหมอรักษาคนไข้ แล้วจะทำให้เห็นกระบวนการทำงานของหมอ ดังนี้
1. การบ่งชี้ความรู้ หมอจะต้องตรวจก่อนว่าคนไข้มีอาการป่วยอย่างไร เป็นอาการของโรคอะไร เพื่อหาวิธีรักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมที่สุด
2. การสร้างและแสวงหาความรู้ หมอจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่คนไข้เป็นจากเอกสารต่างๆ หรือจากหมอท่านอื่นที่มีความรู้ทางด้านโรคนั้นๆ เพื่อเป็นการสร้างความรู้ใหม่
3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ หมอต้องนำข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่คนไข้เป็น ที่ได้มาจากแหล่งต่างๆมาจัดเก็บให้เป็นระบบ
4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ เป็นการนำข้อมูลของโรคที่จัดระบบแล้วมาแยกแยะ สาเหตุของโรค อาการของโรค ยาที่ใช้ในการรักษา และการป้องกันโรค เพื่อให้การรักษาดำเนินไปได้อย่างสะดวก
5. การเข้าถึงความรู้ การนำระบบสารสนเทศมาช่วยในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆของโรค ทำให้สามารถนำข้อมูลต่างๆมาใช้ได้อย่างสะดวก
6. การแบ่งปัน แลกเปลี่ยนความรู้ เป็นการนำข้อมูลเกี่ยวกับโรคที่มีอยู่และนำไปใช้กับคนไข้แล้ว ไปแลกเปลี่ยนกับหมอผู้เชี่ยวชาญด้านโรคที่คนไข้เป็น เพื่อหาข้อบกพร่องและให้การรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด
7. การเรียนรู้ เป็นการนำประสบการณ์ที่ได้จากการรักษาคนไข้ไปพัฒนาต่อยอด เพื่อหายาหรือ วิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น